ยุคสมัยที่เปลี่ยนผ่าน แต่ มูรินโญ่ ยังไม่เปลี่ยนใจ จะรอดหรือไม่

หากเอ่ยชื่อถึงหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ชื่อของ โชเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่ชาวโปรตุเกสคือหนึ่งในบุคคลที่ต้องถูกลิสต์เป็นหัวแถวแบบไม่มีข้อสงสัย ไล่ตั้งแต่ความสำเร็จกับเอฟซี ปอร์โต้ ทีมในบ้านเกิด มาจนถึง เชลซี, อินเตอร์ มิลาน และ เรอัล มาดริด นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่าเขาเป็นหนึ่งในตองอูแห่งวงการผู้จัดการทีมฟุตบอล
ทว่านับตั้งแต่โดน “สิงโตน้ำเงินคราม” ปลดออกจากตำแหน่งในปี 2015 ก็เหมือนกราฟชีวิตของเขาจะค่อย ๆ ตกลงอย่างน่าใจหาย!
การย้ายเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมกับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้จะพาทีมคว้าแชมป์ลีก คัพ และ ยูโรปา ลีก แต่มันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เก้าอี้ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รอดปลอดภัย ก่อนจะโดนเด้งอีกครั้งในปี 2018
กระทั่งการตัดสินใจรับตำแหน่งผู้จัดการทีมของ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ เปรียบเหมือนบทพิสูจน์ของเขาอีกครั้งว่าชื่อเสียงที่สั่งสมไว้จะกู้คืนกลับมาได้มากน้อยขนาดไหน
แต่แล้วเมื่อการแข่งขันเริ่มออกสตาร์ทปรากฏว่ากุนซือรายนี้ยังคงใช้วิธีเดิม ๆ ในการคุมทีม โดยเฉพาะรูปแบบการเล่นในสนามที่เน้นหลังบ้านเป็นสำคัญไว้ก่อน เพราะเขาเชื่อว่านี่เป็นวิธีแห่งชัยชนะที่แสดงให้เห็นมาตลอดระยะเวลาหลายปี
ถึงกระนั้นลองมองในวงการฟุตบอลปัจจุบันรูปแบบการเล่นกลับนิยมเรื่องของการเปิดเกมรุกและการต่อบอล ดูได้จากทีมที่ประสบความสำเร็จอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล พวกเขาเน้นเกมรุกบุกแหลก เดินหน้าฆ่าให้ตาย ขณะที่ สเปอร์ส กลับใช้วิธีตรงกันข้ามคือ เมื่อยิงประตูนำแล้วจะตั้งรถบัสแล้วรอตีหัวเข้าบ้าน
ความน่าเสียดายคือทรัพยากรแนวรุกของพวกเขามีความดุดันและทรงประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น แฮร์รี่ เคน, ซอง เฮือง มิน ซึ่งพอใช้แผนตั้งรับ กองหลังที่ไม่ได้แข็งแกร่งส่งผลให้พวกเขากลายเป็นทีมที่ดูธรรมดาไปเลย
วิถีง่าย ๆ ของ มูรินโญ่ ที่ใคร ๆ ก็ดูออกคือ เขามักใช้กองหน้าร่างใหญ่ พักบอลดี เพื่อเน้นให้ลูกทีมวางบอลยาวแบบโต้กลับเร็ว ขณะที่กองกลางจะเน้นกลุ่มนักเตะประเภทเปิดบอลแม่นยำ เพื่ออาศัยจังหวะฉาบฉวย เป็นมุขเดิม ๆ ที่กุนซือแทบทุกคนบนโลกนี้มองออก แต่เขาก็ยังยืนยันว่าจะไม่เปลี่ยนตนเอง
บางทีก็ไม่รู้ว่าทิฐิที่ตั้งมั่นเอาไว้มันจะถึงเวลาเปลี่ยนแปลงได้หรือยัง เพราะสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ มูรินโญ่ กลายเป็นกุนซือที่ดูธรรมดา ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น หรือความแปลกใหม่ที่จะสร้างประโยชน์ให้กับทีม การคุม สเปอร์ส ครั้งนี้อาจเป็นบทพิสูจน์เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาเองจะยังมีดีมากน้อยขนาดไหน?